ฟุตบอลโลก 2026 ทัวร์นาเมนต์สุดยิ๋งใหญ่ที่แฟนบอลทั่วโลกรอคอย จากสถิติการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 ระหว่างอาร์เจนตินาพบกับฝรั่งเศส มีผู้ชมการถ่ายทอดสดทั่วโลกกว่า 571 ล้านคน นับจากวันนี้อีกไม่ถึง 500 วันแล้วที่การแข่งขันฟุตบอลระดับโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจะเริ่มต้น
JBO Thailand นำเสนอประวัติโดยย่อของฟุตบอลโลก วัน เวลา และสนามการจัดแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งที่ 23
ประวัติโดยย่อของฟุตบอลโลก
การแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรกจัดขึ้นในปีพ.ศ. 2473 โดยสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) โดยทีมแรกที่คว้าแชมป์คือ ทีมชาติอุรุกวัย เหตุผลที่มีการจัดการแข่งขันสืบเนื่องมาจากความสำเร็จของการแข่งขันฟุตบอลในกีฬาโอลิมปิค
หลังจากการจัดการแข่งขันครั้งแรก ได้มีการแข่งขันจัดขึ้นทุก ๆ 4 ปีนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ยกเว้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยรูปแบบการแข่งขันจะเริ่มด้วยการแข่งขันในรอบคัดเลือกจากทวีปต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อหาทีมที่นำไปสู่การแข่งขันรอบสุดท้ายที่ประกอบด้วยทีมชาติ 32 ทีม
ทีมชาติใดได้แชมป์ฟุตบอลโลกมากที่สุด?
ทีมชาติบราซิล เป็นทีมที่ได้แชมป์โลกมากที่สุด 5 ครั้ง ครั้งล่าสุดในปี 2002 รองลงเป็นอันดับสองคือ ทีมชาติเยอรมันนี คว้าแชมป์ได้ 4 ครั้งเท่ากับอิตาลี และตามมาด้วยอิตาลีที่ 3 ครั้ง อาร์เจนตินาแชมป์เมื่อปี 2022 ทำได้ 2 ครั้ง
การแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่และจัดขึ้นที่ไหน ?
สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งที่ 23 หรือฟุตบอลโลก 2026 จะจัดขึ้นครอบคลุมทั้งหมด 3 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก โดยการแข่งขันจะเริ่มขึ้นในวันที่ 11 มิถุนายน 2026 และจะดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ 19 กรกฎาคม โดยการแข่งขันส่วนใหญ่จะจัดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก
การโหวตเลือกประเทศเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2026
การโหวดเพื่อคัดเลือกทีมประเทศเจ้าภาพจัดขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2018 ในการประชุมฟีฟ่าครั้งที่ 68 ที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย โดยมีประเทศที่เป็นสมาชิกฟีฟ่าทั้งหมด 211 ประเทศเข้าร่วม และมี 200 ประเทศที่ออกเสียง และจากผลการโหวตสหรัฐอเมริกาเอาชนะโมรอกโกไปได้ด้วยคะแนนเสียง 134 เสียง ขณะที่โมร็อกโกได้เพียง 65 เสียงเท่านั้น
ทำไมฟุตบอลโลก 2026 ถึงจัดใน 3 ประเทศ
ฟุตบอลโลก 2026 จะมีเจ้าภาพร่วมถึง 3 ประเทศเป็นครั้งแรก โดยก่อนหน้ามีการเป็นเจ้าภาพร่วมสูงสุด 2 ประเทศ คือประเทศญี่ปุ่นและประเทศเกาหลีใต้ในฟุตบอลโลก 2002 สำหรับเหตุผลที่ทางฟีฟ่าได้ตัดสินใจมอบหน้าที่ของการเป็นเจ้าภาพให้กับสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก และแคนาดา โดยคาดหวังว่าจะสร้างประโยชน์มากมายทั้งกับแฟนบอลและประเทศเจ้าภาพ
สถานที่การจัดการแข่งขันที่หลากหลาย
การกระจายการแข่งขันใน 3 ประเทศทำให้แฟนบอลได้รับบรรยากาศและประสบการณ์ที่แตกต่างและมีความหลากหลาย เช่นเกมที่เล่นในเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์กและโตรอนโต รวมทั้งเปลี่ยนบรรยากาศในเมืองที่แตกต่างอย่างกัวดาลาฮาราในเม็กซิโก
เข้าถึงแฟนบอลได้มากขึ้น
เนื่องจากมีการเล่นใน 3 ประเทศทำให้แฟนๆ สามารถเข้าร่วมชมเกมได้มากขึ้น ส่งผลให้เพิ่มจำนวนผู้เข้าร่วมโดยรวมและการมีส่วนร่วมในท้องถิ่น นอกจากนั้นแล้วถึงแม้ว่าจะอยู่คนละประเทศแต่ก็มีระยะทางไม่ห่างกันนัก เช่น แวนคูเวอร์และโตรอนโตที่เป็นเมืองจัดการแข่งขันหลักจากแคนาดา ทั้งสองแห่งตั้งอยู่ใกล้ชายแดนระหว่างสหรัฐอเมริกา เช่น เมืองแวนคูเวอร์อยู่ห่างจากเมืองซีแอตเทิลเพียง 120 ไมล์ โดยใช้เวลาบิน 50 นาที ส่วนเที่ยวบินจากนิวยอร์กไปโตรอนโตใช้เวลาเพียง 90 นาทีเท่านั้น
ผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ
การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกสามารถนำไปสู่การสร้างงานในด้านการท่องเที่ยว การบริการ รวมทั้งยังสามารถกระตุ้นการท่องเที่ยวในทั้งสามประเทศ ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและธุรกิจในท้องถิ่นให้รุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น
การขยายความนิยมของกีฬาฟุตบอลในเขตอเมริกาเหนือ
กีฬาฟุตบอลหรือที่ทางฝั่งอเมริกาเหนือเรียกว่า ซอคเกอร์ ยังเป็นเกมที่ไม่ใช่เกมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในแทบนั้น การเป็นเจ้าภาพทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จะทำช่วยขยายความนิยมได้อย่างเป็นรูปธรรม
สนามแข่งขันบอล โลก 2026

ในส่วนของสนามการแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 จะมีขึ้นในทั้งหมด 16 สนาม โดยส่วนใหญ่จะเป็นสนามในสหรัฐอเมริกาเกือบทั้งหมด ไปดูรายชื่อสนาม เมืองและจำนวนความจุของผู้ชม
สนามแข่งขัน | เมือง , ประเทศ | จำนวนที่นั่ง |
สนามเมทไลฟ์สเตเดียม | เมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา | 825,00 ที่นั่ง |
สนามเอทีแอนด์ทีสเตเดียม | เมืองดัลลาส สหรัฐอเมริกา | 80,000 ที่นั่ง |
สนาม แอร์โรว์เฮด | เมืองแคนซัสซิตี้ สหรัฐอเมริกา | 79,146 ที่นั่ง |
สนามเอ็นอาร์จี | เมืองฮูสตัน สหรัฐอเมริกา | 72,220 ที่นั่ง |
สนามฟุตบอลเมอร์เซเดส-เบนซ์ | เมืองแอตแลนต้า สหรัฐอเมริกา | 71,000 ที่นั่ง |
สนามโซฟีสเตเดียม | เมืองลอสแองเจลลีส สหรัฐอเมริกา | 70,240 ที่นั่ง |
สนามลินคอล์น ไฟแนนเชียล ฟิลด์ | เมืองฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา | 69,796 ที่นั่ง |
สนามลูเมนฟิลด์ | ซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา | 69,000 ที่นั่ง |
สนามลีวายส์สเตเดียม | เมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา | 68,500 ที่นั่ง |
สนามจิลเลต สเตเดี้ยม | เมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา | 65,878 ที่นั่ง |
สนามฮาร์ดร็อค | เมืองไมอามี่ สหรัฐอเมริกา | 64,767 ที่นั่ง |
สนามอัซเตก้า | เมืองเม็กซิโกซิตี้ ประเทศเม็กซิโก | 87,523 ที่นั่ง |
สนาม BBVA | เมืองมอนเทอร์เรย์ ประเทศเม็กซิโก | 53,500 ที่นั่ง |
สนามกีฬาแอครอน | เมืองกัวดาลาฮารา ประเทศเม็กซิโก | 49,850 ที่นั่ง |
สนามบีซีเพลส | เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา | 54,500 ที่นั่ง |
สนามบีเอ็มโอ | เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา | 30,000 ที่นั่ง |